Monday, November 12, 2007

15 วิธี ลับสมองให้ความจำดีขึ้น

15 วิธีลับสมองให้ความจำดีขึ้น

1. หาเวลาที่เหมาะที่สุดกับการใช้ความคิดของเราในแต่ละช่วงวัน แต่ละคนแต่ละวัยจะมีช่วงทองให้กับการคิดไม่เหมือนกัน ว่ากันว่าคนมีอายุแล้วสมองจะเคลียร์ที่สุดก็เป็นช่วงเช้า พวกหนุ่มๆสามวๆนั้นกว่าจะมีสมาธิในการคิดได้ก็จะเป็นช่วงบ่าย ดูตัวเองว่าความคิดดีดีของเรานั้นมักจะมาในช่วงไหน แล้วเก็บช่วงนั้นไว้สำหรับงานที่ต้องการความคิดสร้างสรรค์

2. หาความรู้อยู่เรื่อยๆ...รู้แบบกว้างๆ ไม่จำเป็นต้องรู้ลึกไปซะทุกอย่าง แต่ความรู้ที่สะสมมาจากทุกเรื่องจะช่วยต่อยอดกับข้อมูลใหม่ๆให้เข้าใจได้ง่ายๆขึ้น

3. "จดไว้ให้จำ" เครื่องช่วยจำที่ดีที่สุดก็คือจดทุกอย่างลงในกระดาษ เขียนไว้กันลืม สุภาษิตจีนบอกไว้ว่า ถึงแม้ว่าหยดหมึกที่จางที่สุดก็จะอยู่ได้นานกว่าความจำที่ว่าแม่นที่สุด

4. เพิ่มพลังกับกาแฟ..แต่แค่ถ้วยเดียวพอนะ ที่จะช่วยให้มีสมาธิดีขึ้นมาบ้าง แต่ถ้าเวลาเครียดๆละก็ห้ามเด็ดขาดเพราะจะทำให้ฟุ้งซ่านมากกว่าเดิม

5. โยงเรื่องใหม่กับความจำเดิม ให้คิดซะว่าความคิดหรือความจำที่มีอยู่เดิมนั้นเหมือนกับตุ๊กตาที่ถูกแขวนไว้กลางอากาศ กำลังรอข้อมูลใหม่ๆเข้าไปปะติดปะต่อ อย่าปล่อยเรื่องใหม่ๆเข้าไปอย่างไม่มีจุดเชื่อมโยง เช่น ถ้าจะจำชื่อคน ก็ลองโยงความหมายหรือเสียงของชื่อนั้นเข้ากับสิ่งต่างๆที่เราคุ้นเคย

6. ฝึก..ฝึก..ฝึกจำอยู่บ่อยๆ ถึงอายุอ่อนกว่าแค่ไหน แต่ถ้าไม่เคยฝึกท่องจำเลย ความจำก็อาจจะสู้คนแก่ไม่ได้ ถ้าไม่เชื่อลองนึกดูสิว่าไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนทำไมเราถึงไม่ลืมสูตรคูณ ที่เราท่องตั้งแต่ยังเด็กล่ะ

7. ควรให้เวลาสมองได้รับเรื่องตลกๆหรือได้คิดอะไรที่ไร้สาระบ้าง เป็นการให้ความคิดของเราได้พักผ่อน

8. รู้จักดัดแปลงความคิดสร้างสรรค์ มันมักจะเกิดขึ้นมาได้จากบางอย่างที่เราคุ้นเคยนั่นล่ะ จะเชื่อมั้ยล่ะ ถ้าบอกว่าวิธีเปิดฝากระป๋องแบบดึงขึ้นนั้นน่ะ ต้นตอมาจากการปลอกเปลือกกล้วยนั่นเอง

9. คบเพื่อนที่ฉลาด มีความคิดกว้างๆ..แล้วคำโบราณที่บอกว่าคบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผลนั่นน่ะมันเป็นความจริง การที่เราได้อยู่ใกล้กับคนที่มีความรู้ เป็นคนฉลาดที่เปิดรับความรู้ใหม่ๆอยู่เสมอนั้นจะช่วยให้เราได้คิดตาม และฝึกสมองอยู่บ่อยๆ

10. เลียนแบบลีโอนาโด..หมายถึง ลีโอนาโอ ดา วินซี มีวิธีมากมายที่ดาวินซีใช้สร้างสรรค์งานของเขาง่ายๆก็คือ ลองเขียนภาพจากมือที่ไม่ได้ถนัด

11. เอาใจใส่ เคยมั้ยที่เวลาได้เจอใครๆกลับจำไม่ได้ว่าเขาชื่ออะไร ที่เป็นปัญหาอาจจะไม่ใช่เรื่องของความจำแต่เป็นเรื่องของการใส่ใจ ถ้าเราใส่ใจกับคนๆนั้น หรือสิ่งนั้น เราจะจำได้มากกว่าที่เป็น

12. ฟังเพลงโมสาร์ท ก่อนนอนเปิดงานของโมสาร์ทฟังซักหนึ่งรอบ จะช่วยเรื่องความจำดีขึ้นได้

13. ออกกำลังกาย เพื่อช่วยเพิ่มออกซิเจนที่ไม่ใช่แค่ให้ระบบต่างๆของร่างกายทำงานได้ดีขึ้น แต่หมายถึงสมองได้รับออกซิเจนมากขึ้นด้วย

14. ลองทำสิ่งใหม่ๆจะได้มีแนวความคิดที่แปลกใหม่อยู่เสมอ

15 ตัดเครื่องรบกวนสมาธิทั้งหมด ขึ้นป้าย Don't Disturb! ติดไว้ข้างตัว เวลาที่งานนั้นต้องใช้ความตั้งใจและมีสมาธิอย่างสูง และทางที่ดีดึงสายโทรศัพท์ออกไปไม่รับสายเข้าเลยดีกว่า



ในหลวงทรงร้องไห้

เมื่อวันที่ 8 มีนา ที่ผ่านมาผมได้ไปงานที่โรงเรียน
> > > >> เหมือนเช่นทุกปีตอนกลับเดินมาตามตึกยาวเพื่อจะกลับมาทางประตูด้าน
> > > >> เพาะช่าง ยังไม่ถึงบริเวณเศาลหลวงพ่อปู่
> พบอาจาร์ยท่านหนึ่งนั่งอยู่
> > > >> จำได้ว่าเป็นอาจารย์สุธี ท่านเกษียณไปแล้ว
> ไม่รู้คุณรู้จักรึเปล่า
> > > >> กราบอาจารย์ท่านแล้ว สังเกตุเห็นว่าอาจารย์ร้องไห้อยู่ ท่านบอก
> > > >> เพิ่งได้พบกับรุ่นพี่ที่มาในงาน รุ่นที่เท่าไหรก้อไม่ได้ถาม
> > > >> เป็นนายทหารราชองครักษ์ชั้นผู้ใหญ่ เค้าเล่าให้อาจารย์ฟังว่า
> > > >> ... ในหลวงทรงร้องให้..เห็นบ่อย
> > > >> ทรงเสียใจที่เมืองไทยจะสิ้นในรัชกาลของท่าน แล้วกระนั้นหรือ
> > > >> ผมอยากจะตอบอาจารย์ไปว่าคงไม่หรอก ถ้าคนไทย
> > > >> รู้จำคำว่าว่า' หน้าที่' มากกว่า'สิทธิ'
> เราเคยชินกับการเป็น..ผู้รับ...จากคนคนหนึ่งที่เกิดมาเป็น..ผู้ให้...ให้มาตลอด
> > > >> เคยชินจนลืมไปว่าวันนี้ถึงเวลาแล้วรึยังที่
> > > >> เราควรจะผู้ให้แก่พระองค์ท่านบ้าง... ผมลาอาจารย์เรียบร้อยร้อย
> > > >> กลับไปตามตึกยาว ไปไหว้ พระผู้ให้กำเนิดโรงเรียนอธิฐาษขอให้พระองค์ท่านช่วยคุ้มครองให้หลานท่านทรงมีแต่ความสุข..ทรงมีพระพลานาม> > ัยที่แข็งแรง...เพียงแค่ไม่อยากได้ยินว่า
> > > >> .. ในหลวงทรงร้องไห้ ความสุขของพระมหากษัตริย์ หนึ่งปีที่ผ่านมา
> > > >> เราใส่เสื้อเหลืองเราใส่สายรัดข้อมือสีเหลือง
> > > >> คนนับแสนไปนั่งรอเป็นชั่วโมงๆ
> หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคมเพื่อจะได้เห็นพระพักตร์ของพระบาทพระเจ้าอยู่หัวเพียงไ
> > ม่กี่นาทีวันนั้น
> ในขณะที่ทั้งโลกเริ่มเสื่อมศรัทธาในระบบการปกครองโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
> > เราได้
> > > >> แสดงให้โลกได้เห็นว่ามีประเทศเล็กๆ
> > > >> ประเทศหนึ่งที่คนทั้งชาติยังซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อราชวงศ์ จักรี และ
> > > >> พระมหากษัตริย์อันทรงเป็นที่รักยิ่งของคนไทย
> สิบสองปีที่ผ่านมา
> พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวรหนักด้วยโรคหัวใจเพราะทรงงานหนักเกินไป
> > ขณะเดียวกัน
> > > >> สมเด็จพระราชชนนีก็ทรงพระประชวรหนักอยู่ ณ
> โรงพยาบาลศิริราชเช่นกัน
> เรายังจำรูปในหนังสือพิมพ์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปทรง
> > เยี่ยมพระราชชนนี
> > > >> ไม่กี่วันหลังจากการผ่าตัดใหญ่ถวาย
> > > >> พระหัตถ์ข้างหนึ่งกุมอยู่ที่พระอุระ และในพระหัตถ์อีกข้างหนึ่งทรงถือ
> > > >> ม้วนแผนที่กรุงเทพฯ เพราะน้ำกำลังท่วมกรุงอยู่ ยังจำกันได้ไหม?
> > > > >> 34 ปีที่ผ่านมา วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ.2516
> > > >> เป็นครั้งแรกในรัชกาลที่เกิดวิกฤติด้านการเมืองรุนแรงที่สุด วันนั้น
> > > >> นิสิตนักศึกษาและประชาชนนับหมื่นนับแสนเดินขบวนประท้วงรัฐบาล
> > > >> เหตุการณ์ร้ายแรงยิ่งขึ้นตำรวจทหารยิงประชาชน
> > > >> ในขณะที่นิสิตนักศึกษาก็เผาสถานที่ราชการ เกิดกลียุคทุกหย่อมหญ้า
'> > > >> คนไทยฆ่าคนไทยด้วยกันเอง ' คืนนั้น
> > > >> สถานีโทรทัศน์ทุกช่องถ่ายทอดสดจากพระราชวังสวนจิตรลดา
> > > >> พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสกันคนไทยทุกคนว่า
> > > >> ' คนไทยจะฆ่าคนไทยด้วยกันไม่ได้ ทุกอย่างต้องสงบโดยฉับพลัน '
> > > >> และทุกอย่างก็สงบโดยฉับพลัน หลังจากนั้นไม่นาน
> > มีฝรั่งคนหนึ่งมาถามผมว่า
> > > >> ' เป็นไปได้อย่างไร ที่คนๆ
> > > >> เดียวจะมีอำนาจเหนือคนทั้งประเทศได้อย่างนั้น ?' ผมไม่ได้ตอบ
> > > >> แต่ตอนนั้นใจผมคิดถึงประโยคที่ มรว. คึกฤทธิ์ ปราโมชฯ
> > > >> ได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ BBC ว่า พระองค์ทรงเป็น 'SOUL OF THE
> > > >> NATION' หรือ' จิตวิญญาณของคนไทยทั้งชาติ' ยังจำกันได้ไหม?
> > > >> แล้ววันนี้เรากำลังทำอะไรกันอยู่ เราสร้างค่านิยมผิดๆ
> > > >> ว่าคนที่ประสบความสำเร็จคือคนที่มีเงินมากที่สุด
> > > >> เราโกงทุกครั้งที่มีโอกาส เราเรียกร้องประชาธิปไตยโดยคิดถึงแต่
> > > >> ' สิทธิ' แต่ลืมคำว่า ' หน้าที่' เรากำลังฆ่ากันเองทุกวันในภาคใต้
> > > >> เราสร้าง ' กฎหมู่' ให้เหนือ ' กฎหมาย'
> > > >> เราเดินขบวนประท้วงในทุกอย่างที่เราไม่เห็นด้วย เราก้าวร้าวต่อกัน
> > > >> เราแตกแยกกัน และทั้งโลกกำลังจับตามองเราอยู่
> > > >> เราเคยหยุดคิดกันบ้างไหมว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา
> > > >> จะทรงเสียพระทัยเพียงใด?
> > > >> แล้วสิ่งที่เราทำไปในวันเฉลิมพระชนมพรรษาคืออะไร
> > การที่เราใส่เสื้อเหลือง
> > > >> สายรัดข้อมือ ที่ว่า Long life The King เราทำเพื่ออะไร
> มันเป็นแค่ผักชีโรยหน้าที่จะแสดงให้โลกเห็นว่าคุณรักพระมหากษัตริย์เพียงใดเท่าน
> > ั้นนะเหรอ
> > > >> 80 ชันษาของพระองค์ท่าน
> หากเปรียบกับคนธรรมดาก็สมควรที่จะได้พักเต็มที่ได้รับการดูแลและระมัดระวังเป็นพ
> >พิเศษ
> > > >> ไม่สมควรที่จะตรากตรำทำงานหนัก แต่กลับเป็นว่า ในปีที่ครบ 80
> > > >> ชันษาของพระองค์ท่านยังต้องทรงงานอยู่ตลอดเวลา ทั้งๆ
> > > >> ที่ทรงต้องอยู่ภายใต้การถวายการดูแลของคณะแพทย์
> > > >> พระองค์ต้องรับทุกข์ของคนไทยทั้งชาติ
> > > >> ความสุขของพระมหากษัตริย์พระองค์นี้
> > > >> ไม่ใช่จะประทับอยู่ในพระราชวังใหญ่โตสวยงาม แห่ล้อม ด้วยข้าราชบริพาร
> > > >> หากแต่ความสุขของพระมหากษัตริย์พระองค์นี้คือ
> > > >> เมื่อประชาชนของพระองค์ท่านรักสามัคคีกัน รู้จักความ พอเพียง
> > > >> และมีสติ-เพียงเท่านี้เอง แล้ววันนี้เรากำลังทำอะไรกันอยู่?
> > > >> หรือนี่คือการแสดงความกตเวทีต่อพระมหากษัตริย์ของเรา?

เครดิต http://www.dek-d.com/board/view.php?id=978286